ตัวกลางประสานคืนดีจอมพล ป. กับปรีดี กลับประเทศไทยร่วมทำประโยชน์เพื่อชาติ ของ สังข์ พัธโนทัย

ขณะนั้นจอมพลสฤษดิ์ เริ่มมีอาการป่วยและเจ็บหนัก ขณะที่บารมีของจอมพล ป. ในกองทัพยังคงมีอยู่มาก แม้จะลี้ภัยอยู่กรุงโตเกียวก็ตาม ขณะที่นายสังข์ยังอยู่ในคุกลาดยาว นายสังข์มองว่าช่วงเวลาดังกล่าว เป็นจังหวะเหมาะที่จะเชื่อมกับระหว่างจอมพล ป. กับนายปรีดี (ซึ่งลี้ภัยอยู่ที่กว่างโจว) ให้กลับมาคืนดีกันใหม่ หลังจากที่ร่วมกันก่อตั้งคณะราษฎรเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ด้วยกันมา แล้วต้องมาแตกกันในภายหลัง โดยนายสังข์มองว่า การร่วมมือกันอีกครั้งของทั้ง 2 จะเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติอย่างยิ่ง จึงได้เสนอให้คุณเจริญ กนกรัตน์ บรรณาธิการของ น.ส.พ. เสถียรภาพของนายสังข์ ซึ่งเป็นมิตรสนิทสนมกับครอบครัว รวมถึงเป็นคนที่ติดต่อกับทางการจีนมาโดยตลอด ไปพบนายปรีดีอย่างลับๆในปี 2506 โดยนายเจริญได้บินไปมาระหว่างกวางโจวกับโตเกียว 2-3 ครั้ง ในระยะเวลาเกือบ 1 ปี โดยใช้ชื่อรหัสของนายปรีดีว่า “โปรเฟสเซอร์หลิน” ส่วนจอมพล ป. ใช้รหัสชื่อว่า “มิสเตอร์วาตานาเบ้” ในการติดต่อระหว่างกันของทั้ง 2 ท่าน ผ่านทางโทรเลข เพื่อป้องกันมิให้สหรัฐจับได้ โดยทั้ง 2 ได้มีโอกาสติดต่อกันจนถึงขั้นล้อกันว่า คงมีโอกาสได้นัดพบกันอย่างลับๆในเร็วๆนี้ และคงจะได้มีโอกาสดื่มไวน์ดูบอเน่ต์ด้วยกันอีกครั้ง เหมือนสมัยเรียนหนังสือด้วยกันที่กรุงปารีส ซึ่งแน่นอนว่า การติดต่อกันระหว่างจอมพล ป. กับนายปรีดี ส่งผลต่อความวิตกกังวลให้แก่รัฐบาลของคณะทหารเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับรัฐบาลไทยให้กรมตำรวจปล่อยข่าวว่า สันติบาลได้ล้างห้องขังรอไว้แล้ว หากจอมพล ป. กลับมากรุงเทพฯ แต่แล้วในวันที่ 11 มิถุนายน 2507 หลังจากก่อนหน้านี้หนึ่งเดือนที่จอมพล. ป ได้ส่งโทรเลขอวยพรวันเกิดของนายปรีดีและหวังว่าจะได้พบกันในกรุงเทพฯ เร็วๆนี้ จอมพล ป. ก็ถึงแก่กรรมด้วยโรคหัวใจวายเฉียบพลัน ถือเป็นการปิดฉากบรรทัดหนึ่งของประวัติศาสตร์การเมืองไทย โดยทิ้งคำถามไว้ว่า ถ้าจอมพล ป. กับนายปรีดีได้กลับมาเมืองไทยอีกครั้งหนึ่ง การเมืองไทยจะเป็นเช่นไร